วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

ขั้นตอนการให้คำแนะนำ

ในเวลาที่เราจะให้คำแนะนำคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษ เรามีหลักการและวิธีในการคิด ดังต่อไปนี้

1. Ask for the facts and try to understand their causes.

ขอข้อเท็จจริงและพยายามเข้าใจสาเหตุเหล่านั้น

2. Think about the problem - does it need action? 

if so, is it urgent, important or both?

คิดเกี่ยวกับปัญหา - มันจำเป็นต้องแก้ไขไหม ถ้าใช่ มันเร่งด่วนหรือสำคัญ หรือทั้งสองอย่างไหม

3. Consider the advantages and disadvantages of the different pieces of advice.

พิจารณาข้อดีและข้อเสียของรูปแบบคำแนะนำที่ต่างกัน

4. Choose the best piece of advice.

เลือกรูปแบบคำแนะนำที่ดีที่สุด

5. Give the advice clearly to avoid the person misunderstanding you.

ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด

6. Explain the reasons behind your advice to the person.

อธิบายเหตุผลหลังการให้คำแนะนำของคุณกับบุคคลนั้น


คำศัพท์ที่สามารถใช้ในการให้คำแนะนำในภาษาอังกฤษ 

(ส่วนใหญ่ใช้ใน Past Tense เพราะเราจะแนะนำสิ่งที่เกิดขึ้น หรือปัญหาในอดีต)

1. I suggest that... (ฉันแนะนำว่า...)

2. You should... (คุณควร...ลักษณะเหมือนสอน)

3. You ought to... (คุณควร...เป็นคำทางการมากกว่า should)

4. You had better... (คุณน่าจะ...ทำอย่างนี้ดีกว่า)

5. You could... (คุณสามารถ... ทำอย่างนั้นในอดีตได้ แต่คุณไม่ได้ทำ)

6. If I were you..., I would... (ถ้าฉันเป็นคุณ..., ฉันจะ...)

7. It's time... (มันถึงเวลา...)

8. It's about time... (มันใกล้ถึงเวลา...)

9. It's high time... (มันถึงเวลาอันสมควร...)

10. I recommend... (ฉันแนะนำ...)
     - I am happy to recommend that...
     - I have no hesitation in recommending...
     - I am pleasure to recommend...

11.  It is supposed to... (มันควรจะ...ลักษณะที่ไม่ได้สอน ต่างจาก should)

12. You have had the opportunity to... (คุณมีโอกาสแล้วที่จะ... แต่คุณไม่ได้คว้ามา)


For examples

1. They didn't know how to deal with their money.

They should have had financial help. (ใช้ Have had เพราะเป็นเรื่องในอดีต)

2. Amy always gave money to friends who asked for money

Amy had better say no to her friends.

3. The Wilsons bought a big house.

If I were Wilsons, I wouldn't buy the big house. (Second conditional ใช้ would)

4. They all started spending their winnings as soon as they got it.

I suggest that they should have taken some time to think about it.

5. Why does the bus come here very late?

The bus is supposed to come here on time usually.

6. She didn't save any of her money.

It's time she saved her money.  (ใช้ V 2 แต่ใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบัน)

7. How long will she got a new job?

It is about time she got a new job. (ใช้ V 2 แต่ใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบัน)

8. Your boyfriend asked her to get married. 

It 's high time she married. (มันถีงเวลาอันสมควรที่เธอจะแต่งงาน)

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

ภาษาเกี่ยวกับจมูก

Learn vocabulary

เมื่อคุณ Talking about your nose คุณสามารถใช้คำศัพท์ที่หลากหลายได้ ดังนี้

bridge (n.) = ดั้งจมูก

nostrils (n.) = รูจมูก

runny (adj.) = ไหล, หยด (My nose is runny.)

nose hair = ขนจมูก

pluck, pull out (v.) = ถอน (ขนจมูก)

plucker (n.) = ที่ถอนขนจมูก

trim (v.) = เล็ม (ขนจมูก)

stuffy (adj.) = คัดจมูก

stuffed up (v.) = คัดจมูก

stuffed nose = คัดจมูก

clogged (v.) = อุดตัน (คล้ายคัดจมูก)

blocked (v.) = อุดตัน (คล้ายคัดจมูก) (My nose is all blocked up.)

snot (n.) = น้ำมูก

runny nose, running nose = น้ำมูกไหล (I have a running nose)

snout (n.) = จมูกและปากของสัตว์, จมูกของคน (คำแสลง)

boogers (n.) = ขี้มูกแห้ง (My nose is full of boogers)

Don't pick your nose = อย่าแคะจมูก

You need to blow your nose = คุณจำเป็นต้องสั่งน้ำมูก

Do you have a tissue (or kleenex)? = คุณมีกระดาษทิชชู่ไหม

Kleenex คือ ชื่อแบรนด์เนมของกระดาษชำระ แต่ใช้พูดทั่วไปในอังกฤษ

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

หลักการใช้ Try

Try เป็นคำกิริยา หรือคำนาม และเป็นคำศัพท์ที่มีการใช้งานพิเศษ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

1. Try ที่ตามด้วย Infinitive to แปลว่า พยายาม

เช่น I try to come here every day in order to practice English.

ฉันพยายามมาที่นี่ทุกวันเพื่อฝึกฝนภาษาอังกฤษ

I try not to smoke cigarettes.

ฉันพยายามที่จะไม่สูบบุหรี่

I try to stop drinking alcohol.

ฉันพยายามหยุดการดื่มแอลกอฮอล์

2. Try ที่ตาม Gerund หรือ V-ing แปลว่า ลอง

I try cooking American foods. Do you think it looks tasty?

ฉันลองทำอาหารอเมริกัน คุณคิดว่ามันน่าอร่อยไหม

I try painting my house to make my wife get surprised?

ฉันลองทาสีบ้านใหม่ที่จะทำให้เมียฉันประหลาดใจ

I try buying some Asian foods in front of the university. It may make a lot of money for me.

ฉันลองขายอาหารเอเชียที่หน้ามหาวิทยาลัย มันอาจทำเงินให้ฉันได้เยอะเลยละ.

คำวลีที่เกี่ยวกับ Try ก็มีไม่น้อย ที่ใช้บ่อยๆ 

เช่น try on = ลองเสื้อ ถ้าใส่เสื้อใช้ put on

       try out = ทดสอบ, ทดลอง

       try for (something) = พยายามที่จะชนะหรือสำเร็จบางอย่าง,
   
       We will try for the gold medals in this year.

       try (someone) back = พยายามโทรกลับ,

       I will try her back later.

       try (someone) luck = เสี่ยงโชค

       She went to the US to try her luck at finding a new job.

คำว่า try ในรูป passive voice แปลว่า ทำให้หงุดหงิด หรือเจ็บปวด

I have been tried by the people. ฉันถูกลองของโดยคนพวกนั้น (ทำให้หงุดหงิด)

ในทางกฎหมาย Try แปลว่า ตรวจสอบ หรือสอบสวนในชั้นศาล ได้เช่นกัน

คำว่า try ที่แปลว่า พยายาม เราอาจใช้คำ synonym แทนในความหมายเดียวกัน

คำกิริยา เช่น attempt, endeavor, strive, struggle เป็นต้น

คำนามใช้ effort, attempt = ความพยายาม, trial = การทดลอง

คำคุณศัพท์ใช้ effortless = ไร้ความพยายาม. ง่ายๆ

สำนวน เช่น make every effort to do something 

I will make every effort to be there on time.


http://www.thefreedictionary.com/effort เช็คการออกเสียงได้จากเว็บนี้ครับ


I know it's not easy, but keep trying! ผมรู้มันยาก แต่พยายามต่อไปครับ

The more you try, The more successful you are. ครับผม

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ




ศูนย์ภาษาอีแอลเอส ที่มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียม

ผมชื่อเป้ง รับสอนภาษาอังกฤษที่บ้าน หรือทุกสถานที่ ตัวต่อตัว หรือสอนเป็นกลุ่มครับ 

ผมเพิ่งเรียนจบจากสถาบัน ELS Languages centers เมือง Bristol รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา

ตอนนี้ผมอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้นำความรู้ที่เรียนมาทั้งหมด มาสอนให้กับคนไทยอย่างจริงจัง และมีความสุขที่ได้สอนภาษาครับ

ผมจะทำการทดสอบแกรมม่า และเน้นการพูดคุย โดยจะสอนการพูด อ่าน เขียน แกรมม่าในทุกเรื่อง

คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้ ผมแบ่งสิ่งที่ควรรู้ในการเรียนภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้ครับ

1. เรียนรู้และเข้าใจแกรมม่าเกี่ยวกับ Tense ได้เกือบทั้งหมด

2.  เข้าใจ If clause ตั้งแต่ First, Second และ Third Conditional ครับ

3. สามารถใช้ Passive voice ได้อย่างถูกต้อง

4. รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ Vocabulary มากพอสมควร

5. รู้และเข้าใจ Phrasal verbs และ Idioms ที่จำเป็น

5. ออกเสียงภาษาอังกฤษตามตัวอักษร Pronunciation อย่างชัดเจน

6. มีการใช้ Accent เหมือนเจ้าของภาษาบ้าง

7. มีทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ในระดับพอๆกัน

หากผู้เรียนภาษาต้องนำความรู้ไปสอบ เพื่อเรียนต่อต่างประเทศ เช่น ไอเอล โทเฟล เป็นต้น จะต้องมีทักษะความรู้ในภาษาอังกฤษ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน ที่คล่องแคล่วและแม่นยำพอสมควร เพราะผู้เรียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษใกล้เคียงกับ Native speakers ภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษาที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นภาษาที่ค่อนข้างยาก มีคำศัพท์เยอะ มีระดับการใช้สถานการณ์ต่างๆ และแตกต่างจากภาษาไทยค่อนข้างมาก

ผมรับสอนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่สนใจภาษา สอนได้ตลอดเวลา และทุกสถานที่ครับ เพราะอยากนำความรู้ที่เรียนมาได้ใช้ประโยชน์ครับ ผมมีแพลนที่จะเรียนต่อต่างประเทศครับ  (ปริญญาโท) ใครมีแพลนก็ติวกันไปเรียนด้วยกันได้ครับ

ติดต่อทางไลน์ : Chaiyakhup หรือโทร : 080-937-3970 (กทม.) ได้ตลอดเวลาครับ (ชื่อเป้งครับ)